หน้าแรก บล็อก หน้า 8

เมื่อชีวิตเจอ ช่วงเวลาที่แย่ ขอให้แผ่เมตตา ก็สามารถกลับมาดีได้

0

เมื่อชีวิตเจอช่วงเวลาที่แย่ขอให้แผ่เมตตา ก็สามารถกลับมาดีได้ ในชีวิตหนึ่งของมนุษย์เรานั้น สิ่งที่ทุกคนปรารถนาเป็นอย่างมากนั้นก็คือ ความสุขเพราะไม่ว่าเราจะกระทำสิ่งไหน

สิ่งที่เราหวังให้เกิดขึ้นต ามมานั้นก็คือความสุข ถึงแม้ว่าความสุขของคนเราจะมีหน้าตาและมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่า ความสุข จะมาในรูปแบบไหนเชื่อเลยค่ะว่าทุกคนต้องเต็ มใจรับมันอย่างแน่นอน ขอให้คุณเข้าใจ เมื่อต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก มันเป็นเวลาแห่งผลกรรมไม่ดีนั้นส่งผลมาจากการกระทำของเราเองในปัจจุบัน และในอดีตที่ส่งผลหนักมากกว่าบุญที่เรามี ในช่วงที่กรรมไม่ดีส่งผลนั้นทำอะไรดูแย่ไปหมด การงาน มีปัญหาการเงินติดขัดอย่างหนัก บางคนต้องคดีความ ความสัมพันธ์คนในครอบครอบ รอบข้างพังพินาศไร้การเหลียวแลช่วยเหลือ

ไม่ใช่ปีชง ไม่ใช่ด ว งดาวเคลื่อนย้ายไม่ใช่ราหูทับซ้อนอะไรทั้งนั้น

มาจากเหตุจากการกระทำของเราล้วนที่เราสร้างมาเอง และจากที่เราไปสร้างเจ้ากรรมนายเวรเอาไว้ เพื่อชีวิตข้างหน้าจะดีกว่าที่เป็นอยู่สร้างบุญง่าย ด้วยการแผ่เมตตา เริ่มจากสร้างบุญใหม่ที่ไม่ใช่เงินทำสมาธิให้นิ่งสบายเสียก่อนสมาทานศีล 5 และสวดมนต์ หลังจากสวดมนต์ แล้วให้ทำสมาธิต่อ ให้คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดอีกช่วงในชีวิตที่เราจะได้รู้จักกฏแห่งกรรมอย่างแท้จริง และได้ตื่น ได้เข้าใจว่าเราต้องเร่งพัฒนาคนเองให้อยู่ในกรรมดีมากขึ้น

เมื่อพิจารณาแล้ว ให้ตั้งจิตรวมบุญใหม่ที่ทำในวันนี้และบุญที่เคยทำมาทุกภพทุกชาติเป็นมหาบุญกุศล พิจารณาถึงเกิด แก่ เจ็บ ฅาย การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปไม่มีสิ่งใดคงทนถาวรเลย อุทิศแผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่เราไปเบียดเบียนเขาที่เรานึกได้ไม่ว่าจะเป็นใครสัตว์ และเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นดวงจิตวิญญาณที่เราไม่รู้ว่าทำเขามาหนักหนาในภพไหนก็ตาม เพื่อขออโหสิกรรมเขา และให้อโหสิกรรมต่อทุกคนสัตว์ที่มาทำเราไม่ว่าเรื่องใด

และเมื่อสร้างบุญไม่ว่าเรื่องใดให้อุทิศบุญแผ่เมตตาทันทีทำได้ตลอดเวลาไม่ว่าบุญเล็ก บุญน้อยบุญใหญ่ ไหน ใจเราจะสงบและชีวิตจะเริ่มเปลี่ยนจากหนักจะเบา จากเบาจะมลายหายไป กรรมดี ปัญญาที่ถูกต้อง ตรงทางการลงมือทำเท่านั้นที่จะแก้ได้บุญเท่านั้นจะพาเราพ้นจากชีวิตที่เเย่ จงเลือกทำแต่กรรมดีแพ่เมตตาโปรดสัตว์ชีวิตก็จะเจอแต่สิ่งดีๆ

ห้ามพูดกับพ่อแม่ หากท่านยังมีชีวิตอยู่ จะกลายเป็นบาปติดตัว ไปตลอดชีวิต

0

ถือได้ว่าเรื่องราวดังกล่าวนจะนำมาเตือนลูกๆ สำหรับเรื่องที่บางครั้งเราคิดเอาไว้ในใจแต่ก็ไม่ควรให้ท่านได้ยินหากยังมีชีวิตอยู่ ได้แก่

1.อย่าโทษพ่อแม่ว่า ไร้ความสามารถ
ไม่มีใครที่เก่งไปทุกเรื่อง และไม่มีใครที่ทำทุกเรื่องได้สมบูรณ์ พ่อแม่คือผู้ให้ชีวิต ทุ่มเทเลี้ยงดูเราจบเติบใหญ่สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่าต่อว่าพ่อแม่ว่า “สู้พ่อแม่ของคนอื่นก็ไม่ได้” คำพูดนี้ เมื่อพูดออกไป ต่อให้ม้าฝีเท้าไวก็วิ่งตามไปเก็บกลับคืนมาไม่ทัน แล้วมันจะกลายเป็นตราบาปในชีวิตคุณไปทั้งชีวิต

2.อย่าโทษพ่อแม่ว่า จู้จี้จุกจิก
พ่อแม่เกิดมาก่อนเรา มีประสบการณ์มากกว่าเรา อย่าตะคอกท่าน เมื่อท่านจ้ำจี้จำไชให้กินข้าว ให้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ ให้ใส่หมวกกันน็อก ให้กลับบ้านเร็ว ๆ ให้เก็บห้อง ให้….ฯลฯ เพราะคนที่รักเราจริงเท่านั้นที่ จะจู้จี้ในเรื่องนี้กับเรา พ่อแม่ไม่มีทางจู้จี้กับคนที่ไม่ใช่ลูกหลานของ ท่านแน่นอน หรือคุณว่าไม่จริง!

3.อย่าโทษพ่อแม่ ที่ท่านบ่นว่า
ที่พ่อแม่บ่นว่า ก็เพราะเราทำไม่ได้ดี ที่บ่นว่าไม่ใช่เพื่อตัวท่านเองแต่ เป็นเพราะเพื่อเรา ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่รักลูกของตนเอง ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่อยากให้ลูกเจริญก้าวหน้ากว่าตนเอง ไม่มีพ่อแม่คน ไหนที่ไม่อยากให้ลูกของตนเป็นอภิชาตบุตร ที่เก่งกล้าสามารถกว่าตนเอง

4.อย่าโทษพ่อแม่ ว่าชักช้า
ยามพ่อแม่แก่เฒ่า อย่าด่าทอว่าท่านทำอะไรชักช้า หากเรายังไม่เคยเป็นพ่อแม่ เราไม่มีทางรู้เลยว่าคนเป็นพ่อแม่ต้องใช้ความรักความอดทนมากเพียงใดในการสอนให้เราเดิน สอนให้เรากิน สอนให้เราอาบน้ำ สอนให้เรา…ฯลฯ ยามที่ท่านหนุ่มสาว ท่านทุ่มกำลังแรงกายเพื่อพวกเรา มาบัดนี้ร่างกายจึงทรุดโทรม หากวันหนึ่งพ่อแม่แก่ชราลง กำลังวังชาเริ่มเสื่อมถอย จงจำไว้ “เห็นพ่อแม่ในวันนี้ ดุจเห็นตนเองในวันข้างหน้า”เรื่องกตัญญู ต้องรีบลงมือทำ

5.อย่าโทษพ่อแม่ ยามท่านป่วยไข้
ไม่ว่าพ่อแม่จะยุ่งเพียงไร จะดึกดื่นเพียงไหน จะฝนตกแดดออกปานใด พอเราเจ็บไข้ท่านจะละทิ้งการงานในทันที ท่านจะพาเราไปหาหมอในทันที ท่านจะหาวิธีเยียวยารักษาเราในทันทียามที่ท่านป่วยไข้ เราทำเหมือนที่ท่านทำให้เราได้มากน้อยเท่าไหร่? หรือว่าเพราะพ่อแม่เจ็บป่วยนานวัน จึงทำให้ลูกไม่กตัญญูดูแลหรือ? หรือเราจะเป็นจำนวนคนที่สังคมตราหน้าว่าเป็นลูกอกตัญญูเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง

ฝึกลูก ให้ได้อย่างใจคิด อยากให้ลูกเป็นแบบไหน ก็ฝึกอย่างนั้น

0

สำหรับคนที่มีลูกแล้ว ก็หวังอยากจะให้ลูกของเรานั้นเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี อยู่ในสังคมหรือเอาตัวรอดได้ โดยไม่เบียดเบียนคนอื่น โดยทางเพจ เลี้ยงลูกด้วยหัวใจ ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์การเลี้ยงลูกพร้อมกับระบุว่า
ถ้าอยากให้ลูกใจเย็น ให้ฝึกการรอคอย

ถ้าอยากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเป็น ให้ฝึกให้ลงมือปฎิบัติ

ถ้าอยากให้ลูกพูดเพราะ และ มีมารยาท ให้ทำให้ลูกเห็นทุกๆวัน

ถ้าอยากให้ลูกมีวินัย ให้ฝึกให้สม่ำเสมอ

ถ้าอยากให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น ให้ฝึกถามความคิดเห็น หรือ ให้มีส่วนร่วมในการคิดบ่อยๆ

และ …… ถ้าอยากให้ลูกแก้ปัญหาได้ ให้ฝึกให้เจอปัญหาบ่อยๆ

เลี้ยงลูกด้วยหัวใจ ไม่ต้องใช้ตำราอะไร

แค่คุณพ่อแม่อย่าลืม ฝึกกอดเค้า หรือ บอกรักเค้าบ่อยๆ

ครอบครัวอบอุ่น สายสัมพันธ์แน่น ทุกอย่างในครอบครัวจะมีความสุขค่ะ

Mama forty

จากความคิดเห็น

คุณแม่หลายท่านออกมาแชร์ประสบการณ์

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูก คงจะเคยอ่านเจอหลายๆ ทฤษฎีการเลี้ยงลูก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับคนเลี้ยงเองว่าจะฝึกให้ลูกเป็นอย่างไรเพราะสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรัก และเอาใจใส่ให้กับลูกนะคะ

ขอขอบคุณที่มาจาก : เลี้ยงลูกด้วยหัวใจ

ปุ๋ย พระ ราช ทาน สมเด็จ พระเทพ เพิ่ม แร่ธาตุ ดิน อุดม สมบูรณ์

0

เป็นที่ทราบกันดีว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชบิดามาโดยตลอด ทรงเสด็จตามในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปทรงงานตามที่ต่างๆ ซึ่งเป็นภาพที่คุ้นตาชาวไทย พระองค์ทรงเป็นห่วงชาวไร่ ชาวนา ช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้ ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์มาโดยตลอด พร้อมทั้งพระราชทานสูตรปุ๋ย ให้แก่พี่น้องเกษตรกร

กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้พระราชทานวิธี การทำปุ๋ยหมัก เป็นองค์ความรู้ให้กับปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรชาวไทย ทั้งประเทศ ดังพระราชดำริ

ต้นไม้ทุกชนิดต้องการอาหาร เพื่อการเจริญเติบโต พูดง่าย ๆ เราต้องใส่ปุ๋ย ไร่นา สวน ของเรา พืชผล จึงจะงามดี เดี๋ยวนี้ปุ๋ย ที่ซื้อตามท้องตลาดแพงเหลือเกิน เรามาทำปุ๋ยหมักใช้เองดีกว่า

วิธีทำ ของที่ต้องเตรียม

1.ซากพืช ได้แก่ ใบไม้ ผักตบชวา หญ้าแห้ง ลำต้นถั่ว ลำต้นข้าวโพด ใบ และต้นมันสำปะหลัง กระดูกป่น ตามที่มี สับเป็นท่อน ๆ สั้น ๆ ให้เปื่อยเร็ว

2.ปุ๋ย

ก.ปุ๋ยคอก คือ มูลสัตว์ ขี้วัว ขี้ควาย ขี้เป็ด ขี้ไก่ ขี้ค้างคาว อะไรก็ได้
ข.ปัสสาวะคน หรือสัตว์
ค.กากเมล็ดนุ่น , กากถั่ว , ซากต้นถั่วชนิดต่าง ๆ (พืชตระกูลถั่ว)

3.ดินร่วน พอสมควร ถ้าเป็นหน้าดินยิ่งดี

การกองปุ๋ย

1.กองในหลุม ต้องขุดหลุมขนาดกว้างราว 1 เมตร ยาว 1 เมตร ลึก 1 เมตร ระวังดินพังทลายลงในหลุม ถ้ามีการระบายน้ำได้ยิ่งดี

2.กองในคอก ปรับดินบริเวณที่จะกองปุ๋ยหมักให้แน่น ใช้ไม้ไผ่หรือไม้อื่นที่ทำได้ กั้นเป็นคอกกว้าง 2 เมตร ยาว 4 เมตร สูง 1 เมตร แบ่งคอกเป็น 2 ส่วน ครึ่งหนึ่งไว้ใส่ปุ๋ยหมัก อีกครึ่งหนึ่งไว้กลับกองปุ๋ย ทำหลังคาใบจากหรือใบมะพร้าวคลุมหลังคา ถ้ามีถุงพลาสติกคลุมกันฝนชะปุ๋ยก็ดี

3.เอาซากพืชที่เตรียมไว้กองเกลี่ยในคอก (หรือในหลุม) ให้เป็นชั้น เหยียบตามขอบให้แน่นขนาดคนเหยียบแล้วไม่ยุบอีก ชั้นหนึ่ง ๆ สูงราว 1 คืบ (30 ซม.) รดน้ำให้ชุ่ม แล้วเอาปุ๋ยคอกโรยทับให้ทั่วกัน สูง 2 องคุลี (5 ซม.) ถ้ามีปุ๋ยเคมี (สูตร 16-20-0 หรือ 14-14-14 , แอมโมเนียมซัลเฟต หรือยูเรีย) ก็โรยบาง ๆ ให้ทั่ว แล้วทับด้วยดินละเอียดหนาประมาณ 1 องคุลี สลับด้วยซากพืชแล้วรดน้ำทำเป็นชั้น ๆ อย่างนี้จนปุ๋ยเต็มคอก (น้ำที่รดจะผสมด้วยปัสสาวะด้วยก็ได้)

ข้อควรระวัง

1.อย่าให้มีน้ำขัง การรดน้ำมากไปจะทำให้ระบายอากาศไม่ดี

2.ปุ๋ยกองใหญ่ไปจะเกิดความร้อนสูง ปุ๋ยจะเสีย ถ้าในกองปุ๋ยมีความร้อนสูงไปให้เติมน้ำลงไปบ้าง

3.ปุ๋ยกองเล็กไป จะสลายตัวช้า

4.อย่าใช้ปุ๋ยเคมีพร้อมกับใส่ปูนขาว จะทำให้ธาตุไนโตรเจนสลายตัว

การกลับปุ๋ย

ทุก 30 วัน ควรกลับกองปุ๋ย โดยเอาชั้นบนสุดของกองนำไปเกลี่ยในอีกส่วนของคอกเป็นชั้นล่างสุด แล้วเอาชั้นสองเกลี่ยทับแล้วรดน้ำ ควรกลับปุ๋ย (ทุก 30 วัน) จนกว่าซากพืชจะเปื่อยผุหมดทั้งกอง กินเวลา 3-4 เดือน เมื่อปุ๋ยใช้ได้ สังเกตุจากความร้อนในกองจะใกล้เคียงกับความร้อนของอากาศ ปุ๋ยหมักจะเป็นสีน้ำตาลแก่ เอาตะแกรงร่อนปุ๋ยหมักเก็บไว้

การใช้ประโยชน์

ประหยัดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ครึ่งหนึ่ง ทำให้ดินร่วน อุดมสมบูรณ์ เพิ่มธาตุไนโตรเจน ไม่เป็นอันตราย รักษาความชุ่มชื้นของดิน

หมายเหตุ ถ้าที่เป็นดินทรายใช้อิฐกรุในหลุม จะทำให้ได้ผลดีขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก : มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ

คนมีที่ดินต้องรู้ไว้ โฉนดครุฑแดง ครุฑเขียว ครุฑดำ คืออะไรดูให้ดี ก่อนซื้อขาย

0

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรปล่ อ ย ผ่าน เพราะไม่เช่นนั้นท่านอาจโ ด น โ ก ง หรือเสีย สิ ทธิ์ในการครอบครองที่ดินได้ วันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจและอธิบ า ย ถึงข้อควรรู้ของ “ครุฑ” ลักษณะต่างๆ ที่ประทับบนใบโฉนดที่ดินจะได้ไม่โ ด นโ ก งเมื่อเราทำการซื้อข า ย ซึ่งการครอบครองที่ดิน ถือเป็นกรรมสิทธิ์ที่ประชาชนควรรักษาไว้ โดยมีเอกสารเป็นเครื่องยืนยัน หรือที่เรียกกันว่า โฉนดที่ดิน เป็นหนังสือสำคัญซึ่งออกให้ตามก ฎ ห ม า ย ที่ดิน รวมทั้งโฉนดแผนที่ โฉนดตราจอง และตราจองที่ว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” ซึ่งจะเป็นหนังสือที่บอกให้รู้ว่า ผู้เป็นเจ้าของที่ดินมีก รร มสิทธิ์ในที่ดินอย่างสมบูรณ์ มีสิ ท ธิ ในการทำประโยชน์จากที่ดิน จำ ห น่า ย และขัดข วางไม่ให้ใครเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน โดยไม่ถูกด้วยกฎหมาย.

ท่านรู้หรือไม่ว่าสีของ “ครุฑ” บนหัวโฉนดแต่ละประเภท ซึ่งมีอยู่ 3 สีด้วยกัน คือ ครุฑแดง ครุฑเขียว และครุฑดำ ซึ่งนิยมใช้เป็นชื่อเรียกของเอกสารที่ดินแต่ละประเภท มีความแตกต่างกันดังนี้

ครุฑแดง คือ

“โฉนดที่ดิน (น.ส.4)” ซึ่งเป็นเอกสารแสดงกร รมสิ ทธิ์ที่ชัดเจนที่สุด ซื้อขา ยได้ โอนได้ถูกต้องตามก ฎหม า ย ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีครอบครองกัน ส่วนคำว่าโฉนดหลังแ ด ง แตกต่างกับครุฑแ ด ง คือเอกสาร น.ส.4 จะมีการระบุด้านหลังโฉนดว่า ห้า มโอน !! ภายในระยะเวลา 5-10 ปี

‎ครุฑเขียว คือ

“หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ” ประเภท น.ส.3 ก. ย้ำว่า น.ส.3 ก. ซึ่งออกในท้องที่ ที่มีระวางรูป ถ่า ยทางอากาศ

ครุฑดำ คือ

“หนังสือรับรองการทำประโยชน์” ประเภท น.ส.3 และ น.ส.3 ข. สังเกตุง่า ยๆ สองอันนี้จะไม่มีระวางรูปถ่า ย ทางอากาศ

สำหรับเอกสารแสดงการครอบครองที่ดินอื่นๆ ที่ควรทราบ มีดังต่อไปนี้

แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑)

แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑) คือใบแจ้งการครอบครองที่ดินเป็นหลักฐานว่าผู้ครอบครองเป็นผู้แจ้งว่า ตนครอบครองที่ดินแปลงใดอยู่ (แต่ปัจจุบันไม่มีการแจ้ง ส.ค.๑ อีกแล้ว) ส.ค.๑ ไม่ใช่หนังสือแสดงสิทธิที่ดิน เพราะไม่ใช่หลักฐานที่ทางราชการออกให้เพียงแต่เป็นการแจ้งการครอบครองที่ดินของราษฎรเท่านั้น ดังนั้นตามกฎหมา ย ที่ดินที่มี ส.ค.๑ จึงทำการโอนกันได้เพียงแต่แสดงเจตนาส ล ะ การครอบครองและไม่ยึดถือพร้อมส่งมอบให้ผู้รับโอนไปเท่านั้น ก็ถือว่าเป็นการโอนกันโดยชอบแล้ว ผู้มี ส.ค.๑ มีสิท ธินำมาขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ น.ส.๓ ก. หรือ น.ส.๓ ข) ได้ 2 กรณี คือ

กรณีที่ ๑ นำมาเป็นหลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดินตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ กรณีนี้ทางราชการจะเป็นผู้ออกให้เป็นท้องที่ไป โดยจะมีการประกาศให้ทราบก่อนล่วงหน้า

กรณีที่ ๒ นำมาเป็นหลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ น.ส.๓ ก. หรือ น.ส.๓ ข) เฉพาะรา ย คือกรณีที่เจ้าของที่ดินมีความประสงค์จะขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ก็ให้ไปยืนคำขอ ณ สำนักงานที่ดินที่ที่ดินตั้งอยู่เฉพาะการออกโฉนดที่ดินนี้ จะออกได้ในพื้นที่ที่ได้สร้ างระวางแผนที่สำหรับออกโฉนดที่ดินไว้แล้วเท่านั้น

ใบจอง (น.ส. ๒)

ใบจอง คือหนังสือที่ทางราชการออกให้เพื่อเป็นการแสดงความยินยอมให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการชั่ ว ค ราว ซึ่งใบจองนี้จะออกให้แก่ราษฎรที่ทางราชการได้จัดที่ดินให้ทำกินตามประมวลกฎหม า ยที่ดิน ซึ่งทางราชการจะมีประกาศเปิดโอกาสให้จับจองเป็นคราว ๆ ในแต่ละท้องที่และผู้ต้องการจั บ จ องควรคอยฟังข่าวของทางราชการ

ผู้มีใบจองจะต้องเริ่มทำประโยชน์ในที่ดินให้แล้วเสร็จภา ย ใน ๖ เดือนต้องทำประโยชน์ในที่ดินให้แล้วเสร็จภา ย ใน ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับใบจองและจะต้องทำประโยชน์ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ ๗๕ ของที่ดินที่จัดให้ ที่ดินที่มีใบจองนี้จะโอนให้แก่บุคคลอื่นไม่ได้ เว้นแต่จะต กท อ ดทางมร ด ก เมื่อทำประโยชน์ตามเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว ก็มีสิทธินำใบจองนั้นมาขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ น.ส.๓ ก. หรือ น.ส.๓ ข) หรือโฉนดที่ดินได้แต่หนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือโฉนดที่ดินนั้นจะต้องต ก อยู่ในบังคับห้า มโอนตามเงื่อนไขที่ก ฎหม า ยกำหนด

หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ น.ส.๓ ก. และ น.ส.๓ ข)

หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ น.ส.๓ ก. และ น.ส.๓ ข) หม า ยความว่าหนังสือรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าได้ทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว

น.ส. ๓ ออกให้แก่ผู้ครอบครองที่ดินทั่ว ๆ ไป ในพื้นที่ที่ไม่ มี ระวาง มีลักษณะเป็นแผนที่รูปลอ ย ไม่มีการกำหนดตำแหน่งที่ดินแน่นอน หรือออกในท้องที่ที่ไม่มีระวางรูปถ่า ย ทางอากาศ ซึ่งรัฐมนตรียังไม่ได้ประกาศยกเลิกอำน า จหน้าที่ในการปฏิบัติการตามประมวลกฎ หม า ยที่ดินของหัวหน้าเขต นา ยอำเภอ หรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ (นา ยอำเภอท้องที่เป็นผู้ออก)
น.ส. ๓ ก. ออกในท้องที่ที่มีระวางรูปถ่า ยทางอากาศ โดยมีการกำหนดตำแหน่งที่ดินในระวางรูปถ่า ยทางอากาศ (นา ยอำเภอท้องที่เป็นผู้ออกให้)
น.ส. ๓ ข. ออกในท้องที่ที่ไม่มีระวางรูปถ่า ยทางอากาศ และรัฐมนตรีได้ประกาศยกเลิกอำ น าจหน้าที่ในการปฏิบัติการตามประมวลกฎห มา ยที่ดินของหัวหน้าเขต นา ยอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอแล้ว (เจ้าพนักงานที่ดิน เป็นผู้ออก)

ใบไต่สวน (น.ส. ๕)

ใบไต่สวน คือ หนังสือแสดงการสอบสวนเพื่อออกโฉนดที่ดินเป็นหนังสือแสดงให้ทราบว่าได้มีการสอบสวนสิทธิในที่ดินแล้ว สามารถจดทะเบียนตามประมวลก ฎห มา ยที่ดินได้ ใบไต่สวนไม่ใช่หนังสือแสดงกร รมสิทธิ์ แต่สามารถจดทะเบียนโอนให้กันได้
ถ้าที่ดินมีใบไต่สวนและมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แสดงว่าที่ดินนั้นนา ยอำเภอได้รับรองการทำประโยชน์แล้ว เมื่อจดทะเบียนโอนจะต้องจดทะเบียนในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก่อน แล้วจึงมาจดแจ้งหลังใบไต่สวน แต่ถ้าใบไต่สวนมีแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) หรือไม่มีหลักฐานที่ดินใด ๆ และเป็นที่ดินที่นา ยอำเภอยังไม่รับรองการทำประโยชน์ จะจดทะเบียนโอนกันไม่ได้ เว้นแต่เป็นการจดทะเบียนโอนมรดก

ประโยชน์ของโฉนดที่ดิน

ทำให้ผู้ครอบครองที่ดินโดยชอบด้วยก ฎห ม า ย ได้มีหนังสือสำคัญแสดงกร ร ม สิ ทธิ์ที่ดินยึดถือไว้เป็นหลักฐาน ทำให้เกิดความมั่นคงในหลักกร ร มสิ ทธิ์แก่ผู้เป็นเจ้าของที่ดินใช้เป็นหลักฐานในการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของตนทั้งต่อรัฐและในระหว่างเอกชนด้วยกันทำให้รู้ตำแหน่งแหล่งที่ตั้ง ตลอดจนขอบเขตและจำนวนเนื้อที่ของที่ดินแต่ละแปลงได้ถูกต้อง ทำให้สามารถป้อ งกั นการบุ ก รุ กขยา ยเขตครอบครองเข้าไปในที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นที่ร ก ร้ างว่างเปล่า ที่สงวนหวงห้าม ที่สาธารณประโยชน์ และที่ดินที่ทางราชการได้กันไว้เป็นเขตป่าไม้
ทำให้สามารถระงับการทะ เ ล าะ วิ ว า ท การโ ต้แ ย้ ง หรือแย่ ง สิ ทธิในที่ดินหรือการรุ กล้ำ แนวเขตที่ดินซึ่งกันและกัน ทำให้ปัจจัยพื้นฐานในการผลิตทางเศรษฐกิจ มีความมั่นคงและมีผลเป็นการลดต้นทุนการผลิตด้วย ทำให้เกิดความรักและความห่วงแหนที่ดินของตน มีแรงจูงใจที่จะปรับปรุงและพัฒนาที่ดินของตนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้เป็นหลักฐานแสดงทุนทรัพย์หรือหลักประกันในการขอสินเชื่อ และกู้ยืมเงินเพื่อนำมาใช้เป็นทุนในการเพิ่มกำลังการผลิตและรา ยได้เพื่อยกฐานะความเป็นอยู่ให้สูงขึ้น ใช้เป็นหลั ก ทรัพ ย์ในการ ค้ำประกัน บุคคลเข้าทำงาน ประกันตัวผู้ต้อ งห าหรือ จำ เล ยต่อพนักง านส อบ สวน พนักงานอัยการ หรือศา ล ฯลฯ

การตรวจสอบหลักฐานสำหรับที่ดิน สำหรับที่ดินที่เป็นโฉนดกระทำได้โดยสะดวกรวดเร็วเป็นประโยชน์แก่บุคคลที่ประสงค์จะจำหน่าย จ่า ย โอน เนื่องจากการโอนที่ดินที่มีโฉนดที่ดินไม่ต้องประกาศ เว้นแต่มรดก

เอกสารสำคัญทั้งหมดนี้แม้จะแสดงถึงการเป็นผู้มีสิทธิดีกว่าบุคคลอื่นแล้วก็ตาม ถ้าหากท่านปล่อยที่ดินให้เป็นที่ร ก ร้ างว่างเปล่าไม่ทำประโยชน์ในที่ดิน กล่าวคือ ถ้าเป็นที่ดินที่โฉนดที่ดิน ปล่อยทิ้งไว้นานเกิน 10 ปี และที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ปล่อยทิ้งไว้นานเกิน ๕ ปีติดต่อกัน ที่ดินดังกล่าวจะต้องตกเป็นของรัฐตามก ฎ ห ม า ย หรือถ้าหากปล่อยให้บุคคลอื่นครอบครองโดยสงบเปิดเผย โดยมีเจตนาเอาเป็นเจ้าของโดยท่านไม่เข้าขัดขวาง สำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดินเป็นเวลา 10 ปี ติดต่อกันบุคคลที่เข้าครอบครองนั้นก็จะมีสิทธิไปดำเนินคดีทางศาล เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้บุคคลดังกล่าวได้กร ร มสิทธิ์ในที่ดินนั้นโดยการครอบครองได้ และที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ น.ส.๓ ก. น.ส.๓ ข) ใช้เวลาแย่งการครอบครองเพียง 1 ปีเท่านั้น ท่านก็จะเสี ยสิ ทธิ ดังนั้นเมื่อที่ดินของท่านมีเอกสารสำคัญดังกล่าวอยู่แล้ว ก็ควรทำประโยชน์และดูแลรักษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ดินก็จะเป็นของท่าน และเป็นมรดกที่มีค่าให้แก่ทา ย า ท ของท่านสืบต่อไป

ดูแลมารดา ตราบจนวินาทีสุดท้าย แม้จะโดนคนตำหนิ

0

วันนี้ขอนำเสนอเรื่องราวของ หลวงพ่อบุญอุ้ม อาภัสสโร ท่านเป็นพระเกจินครพนมเมืองแห่งพญานาค มีนามเดิมว่า บุญอุ้ม อภัยโส เกิดเมื่อวันที่ 23 ต.ค.2498 เป็นชาว ต.บ้านแพงโดยกำเนิด โยมบิดามารดาชื่อพระอ่อนสี และแม่ชีทิพย์ อภัยโส

เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ท่านเป็นศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่มหาเหรียญ ปภาคโร วัดหันห้วยทราย อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ขณะอายุ 13 ปี บวชเณรที่วัดชัยมงคล ติดตามหลวงปู่มหาเหรียญ ปักกรดตามป่าช้าหลายจังหวัดภาคอีสาน ภาคกลางและภาคเหนือนาน 5 ปี ก่อนลาสิกขาบทมาช่วยครอบครัว

หลวงพ่อบุญอุ้ม อาภัสสโร

เมื่ออายุ 29 ปีอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดศรีวิชัย ต.สามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม มีหลวงปู่คำพัน์ จันทูปโม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แดง ฐิตวิรโย เป็นพระอนุสาววานาจารย์ หลังอุปสมบท จำพรรษาในถ้ำมืดถ้ำโขง เทือกเขาภูลังกา อ.บ้านแพง กับหลวงปู่อ่อนสี ขันติโก วัย 70 ปี ผู้เป็นบิดา ภาวนานั่งสมาธิกัมมัฏฐานฝึกจิตนาน 18 ปี

หลังหลวงปู่อ่อนสี บุพการีละสังขาร ยกที่ดินหัวนา 20 ไร่ ตั้งวัดให้เป็นที่พักสงฆ์ ก่อนขออนุญาตตั้งวัดชื่อว่า วัดป่าโนนแพง พ.ศ.2543 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านแพง-นาทม นาน 2-3 ปี แต่ลาออกต้องมาดูแลมารดาที่บวชเป็นแม่ชีที่วัดจนวาระสุดท้าย

พระอาจารย์บุญอุ้ม ท่านได้ศึกษาตำราหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท เป็นภาษาขอม มี 4 หมวดแต่ท่านเลือกหมวดวิทยาคม ศึกษานาน 1 ปีจนช่ำชอง สร้างวัตถุมงคลตะกรุดแผ่นทองครั้งแรกในปี 2545 ส่วนเครื่องรางของขลังที่เลื่องชื่อคือตะกรุดหนังเสือ

พระอาจารย์บุญอุ้มได้กล่าวกับลูกศิษย์ไว้ว่า “ตะกรุด 1 ดอก เท่ากับ 1 ชีวิต อาตมาได้ถ่ายทอดพลังชีวิตลงไป หยุดไม่ได้ตราบใดที่ทหารตำรวจ พ่อค้าแม่ขายังรอความช่วยเหลือ”

นอกจากพระอาจาย์บุญอุ้มจะเป็นพระเกจิอาจารย์แดนอีสานสมยานามว่า “เทพเจ้าแห่งเมืองพญานาค” แล้วยังเป็นพระนักปฏิบัติที่ให้ความสำคัญ กับการศึกษา ส่งเสริมสนับสนุนปัจจัย ให้พระภิกษุสามเณรเล่าเรียน มอบปัจจัยสนับสนุนโรงพยาบาล โรงเรียนและผู้ตกทุกข์ได้ยากมิได้ขาด

มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา : ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า

พระยอดกตัญญู ท่านต้องดูแล “โยมแม่” ที่บวชเป็นชีที่วัดและป่วย หลวงพ่อดูแลโยมแม่ อุ้มไปขับถ่ายในห้องน้ำก่อนหน้านี้แม่และน้องอยู่กับญาติที่พัทลุง แต่ญาติมีภาระมาก ไม่มีเวลาดูแล จึงตัดสินใจ พาโยมแม่มาดูแลเองที่วัด ท่านอุ้มแบบนี้ เป็นระยะยาวนานแรมปี จนโยมแม่หมดลมหายใจสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2550

หลวงพ่อบุญอุ้ม อาภัสสโรได้ ละสังขารอย่างสงบ เวลา 05.09 น.

ของวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2562 สิริอายุ 65 ปี พรรษา 35

เป็นยังไงกันบ้างกับหลากหลายเรื่องราวที่เพจเรื่องเล่าชาวสยามได้นำมาเล่าต่อของตำนานหลวงพ่อบุญอุ้ม อาภัสสโร บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อศึกษาเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติบุคคลคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านผู้มีพระคุณ ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล

แหล่งที่มา : kidnan.com

ชีวิตติดขัด ทำอะไรไม่ราบรื่น ขอเทวดาอารักษ์ ช่วยเปิดทางให้

0

เป็นอีหหนึ่งราวราวดีๆสำหรับคนที่ทำอะไรติดๆขัดๆ ลองจุดธูปกลางแจ้ง 16 ดอก แล้วท่อง นะโม 3จบ ตั้งจิตอธิฐานอันเชิญ ครูบาอาจารย์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา พ่อเกิดแม่เกิด พ่อซื้อแม่ซื้อ ในทุกชาติ และเทพเทวดาที่คุ้มครองตัวเราทุกพระองค์ รวมทั้ง องค์มหาเทพ มหาโพธิสัตว์ ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ใน 19 ชั้นฟ้า 16 พรหมมา 15 ชั้นดิน 14 ภูมิบาดาล 21 ภูมิพระแม่ธรณี พระแม่คงคา ที่ข้าพเจ้าอาศัยและยืนอยู่นี้

พระภูมิเจ้าที่ ผีบ้านผีเรือน รวมทั้งเจ้ากรรมนายเวร และ เจ้าบุญนายคุณ เจ้าเกณฑ์ดวงชะตา ของข้าพเจ้า ทุกชาติภพ ที่เคยผูกพันธ์กันมาในอดีตให้มารับรู้รับฟัง การขอขมา และ ขอถอนคำสาบแช่งที่มีต่อกัน ในอดีตและปัจจุบัน ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ และให้เอ่ยว่า…

ข้าพเจ้าชื่อ…นามสกุล…ขอขมากรรม ในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไป ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ต่อท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ระลึกได้ หรือ ไม่ได้ก็ดี ขอท่านผู้มีฤทธิ์ มีอำนาจ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าก ร ร ม นายเวร เจ้าบุญนายคุณ เจ้าเกณฑ์ดวงชะตาของข้าพเจ้าทั้งหลาย

โปรดอโหสิ ก ร ร ม ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถอะ อย่าได้โกรธเคือง อย่าได้จองเวร ต่อข้าพเจ้าอีกต่อไป และโปรดถอดถอนคำสาปแช่งที่ให้แกข้าพเจ้า หรือคำสาบใดๆ อันเกิดจากข้าพเจ้าได้เป็นผู้กระทำ หรือถูกกระทำจากท่านทั้งหลายก็ดี ขอจงดับหมดสิ้นไปด้วย อนุภาพ พระบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และด้วยบารมีแห่งองค์มหาโพธิสัตว์เจ้าและองค์มหาเทพ

โปรดเมตตาและประทานพรแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด และช่วยเปิดทางและแสงสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม และให้การดำรงชีวิตของข้าพเจ้า จงมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป และขอให้มีโชค มีลาภ มีเงินมีทอง เหลือกินเหลือใช้เหลือเก็บเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีด้วยเถอะ

และขอให้ข้าพเจ้าได้พบแต่คนดีมีคุณธรรมอยู่ในศีลในธรรมเข้ามาช่วยเหลือข้าพเจ้าด้วยเถิด สาธุๆๆ ตั้งนะโม 3 จบ แล้วเอ่ยคาถาว่า

“ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ จิตตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ / ขอให้สัตว์โลกทั้งหลายใน 3 ภพ จงพ้นจากภัยพิบัติและเคราะห์กรรมทั้งปวงเถิด สาธุๆๆ ” (พระคาถาพญายม ประชุมกับ พระอินทร์ พระพรหม ให้มีคาถาบทนี้ ไว้ช่วยคนให้รอดพ้นจากความทุกข์ย า ก ลำบาก และภัยพิบัติทั้งปวง)

ในหลวง ทรงประทับบัลลังก์ ตัดสินคดี ด้วยพระองค์เอง เป็นครั้งแรกใน วันที่ 26 ม.ค. 2495 คือ คดีลักโม่

0

‘คดีลักโม่’คดีแรกที่ตัดสินโดยในหลวง รัชกาลที่ ๙ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09:55 น.

13 ต.ค.2562 – เพจ Law Inspiration ซึ่งเป็นเพจที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายได้มีการรีโพสต์เนื้อหา เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ในหัวข้อ “คดีลักโม่” คดีแรกที่ตัดสินโดยในหลวง รัชกาลที่ ๙ มีเนื้อหาระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงประทับบัลลังก์ตัดสินคดีด้วยพระองค์เองเป็นครั้งแรกใน วันที่ 26 ม.ค. 2495 คดีแรกที่พระองค์ทรงตัดสินคือ “คดีลักโม่”

ในห้องพิจารณาคดีที่ 12 ของศาลอาญา โดยมีนายเล็ก จุณนานนท์ เป็นโจทก์ นายแสวง แดงคล้ายเป็นจำเลยในข้อหาว่า”เมื่อวันที่ 9 ม.ค. กับ วันที่ 10 ม.ค.จำเลยได้ลักโม่หินของนายกาญจน์ ตันวิเศษ ราคา 80 บาท เหตุเกิดที่คลองต้นไทร” ศาลได้อ่านคำฟ้องให้จำเลยฟัง จำเลยก็รับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา ศาลตัดสินจำคุก 6 เดือน แต่จำเลยรับสารภาพจึงลดเหลือ 3 เดือน ประกอบกับการที่เป็นคดีแรกของจำเลยจึงรอลงอาญา 2 ปีแล้วให้คืนโม่หินแก่เจ้าของ นายแสวงดีใจเป็นล้นพ้นที่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับบัลลังก์ตัดสินคดีของตน ซ้ำยังได้รับการทรงพระกรุณาให้รอลงอาญา จึงยกมือขึ้นท่วมหัวและสาบานว่า จะเป็นคนดีไม่ลักขโมยของใครอีกต่อไป…..

ที่มา : หนังสือ เรื่องเก่า เล่าสนุก ของ : โรม บุนนาค เรียบเรียง : วาทิน ศานติ์ สันติ”

ทำบุญ ด้วยการถวายน้ำ สิ่งที่หาได้ง่ายๆแต่ทำไมได้ อานิสงส์แรง

0

เวลาทำบุญนั้นเราจะหาของถวายแต่ละอย่างก็ต้องเลือกให้ดี เพราะหากถวายอะไรที่ไม่ดีแทนที่จะได้ บุ ญ กลับได้ บ า ปแทนแบบที่เราไม่รู้ตัวเลย และหนึ่งในของถวายพระที่ทำให้ได้อานิสงส์เยอะ ๆ คือการถวายน้ำดื่ม และพ ร ะ สั ม ม า สั ม พุ ท ธ เ จ้ าได้แนะนำเอาไว้ด้วยว่า คนเรานั้นหากขาดอาหาร 7 วันถึงจะ m า ย แต่ถ้าขาดน้ำ 3 วัน ก็ ด า ย แล้ว ฉะนั้นน้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การถวายน้ำ สำคัญมากๆ ต่อพ ร ะภิ ก ษุ ส ง ฆ์ และหากศึกษาจากอรรกถาขุท ท ก นิ ก า ย เป ต วัตถุ จูฬวรรคที่ 3 สานุวาสี เ ถ รเ ป ต วั ต ถุ ก็จะพบว่า พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ าถึงกับให้พ ร ะอานนท์ไปบอกกับส า มเ ณ รรูปหนึ่งว่าดังนี้

“ให้ทำบุญตักน้ำดื่ม ใส่หม้อไว้ให้เต็ม เพื่อให้พ ร ะ ภิ ก ษุได้ฉันเป็นประจำสม่ำเสมอ เนื่องจากพ ร ะ สั ม ม า สัมพุท ธ เ จ้ า ท่านเห็นด้วย ญาณทัศนะว่า ส า ม เ ณ ร รูปนี้เป็นผู้บุญน้อยมากทำให้กลายเป็นเ ด็ ก เ ร่ ร่ อ น อด ๆ อยาก ๆ ไม่มีจะกิน เนื่อจากไม่เคยทำบุญ กุ ศ ลไว้เลย แถมยังไม่เคยทำไว้ในอดีตด้วย ในอ ดี ต ก ร ร มก็หนักสุด ๆ กับพ ร ะ ปั จ เ จ ก พ ร ะ พุ ท ธเ จ้า ที่ชื่อ สุเนตต์”

เรื่องราวแบบนี้มันโ ห ด ร้ า ยถึงขั้นทำให้ต ก น ร ก ไปนานถึง 84,000 ปี เลย แล้วพอเกิดก็เป็นเ ป ร ต ที่หิ วโ ห ย หลายภพชาติ แต่ว่าพอ ส า ม เ ณ รได้เติมบุญให้กับตัวเองตามที่พ ร ะพุ ท ธ เจ้าแนะนำก็ได้อานิสงส์มากขึ้น เลยทำให้มีคนยอมมาถวายเครื่องบริโภค ทำให้มีความสะดวกสบายในการปฏิบัติธรรม จนได้บรรจุเป็นอรหันต์ได้ในเวลาต่อมา

พอบรรลุแล้วญาติทั้ง 500 ของท่านก็ได้เกิดเป็น เ ป ร ต ที่อดอยากมาขอส่วนบุญ ซึ่งแน่นอนว่าท่านก็อุทิศไปให้ จนเ ป ร ต ก็ลดความท ร ม า น ลง อยู่ดี มีบ้าน แต่ว่ายังไม่มีน้ำดื่ม แบบนี้เ ป ร ต ญาติจึงมาบอกให้ช่วยทำบุญตักน้ำไว้ให้เต็มธ ร ร ม ก ร ก เพื่อถวายสงฆ์ที่มาจาก 4 ทิศ แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้พ ว กเ ป ร ตญาติอีก ถึงจุมีน้ำดื่มน้ำใช้

การถวายน้ำดื่ม น้ำใช้ให้กับพ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า นั้นจึงเป็นสิ่งที่ทำแล้วได้อานิสงส์ผลบุญมาก ๆ แล้วยังทำให้ญาติพี่น้องที่เป็นเ ป ร ต นั้นพ้นทุ ก ข์ ด้วยนะ ทำบุญแบบนี้ส่งเสริมให้ชีวิตดี มีความสุข มีกิน มีใช้ไปตลอด และการถวายน้ำก็เป็นการทำให้ พ ร ะ ภิ ก ษุ และ ส า ม เ ณ รได้มิน้ำไว้ดื่ม ไว้ใช้มิขาด เป็นการบำรุงพ ร ะ พุ ท ธศา ส น าไปในตัวด้วย และสำหรับใครที่กำลังจะไปทำบุญนั้น อยากได้ของถวายพระก็ลองเป็นน้ำดื่มสักแพ็ค หรือจะเป็นขวดก็ได้ตามกำลังศรัทธาเลย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก postsread

ยืมเงินแล้วไม่คืน ไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ กรรมตามทันแน่นอน

0

เป็นอีกหนึ่งนักคิดนักเขียนแนวธรรมะ ทั้งนิยายแทรกคติทางธรรม ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้เริ่มต้นสนใจธรรมะ กับ ดังตฤณ หรือ ศรันย์ ไมตรีเวช ที่เขียนเรื่องราวออกมาได้อย่างน่าสนใจ ล่าสุดได้ตั้งคำถามใหญ่เชิงท้าทายในหัวข้อ ยืมเงินแล้วไม่คืนจะได้รับผลกรรมอย่างไร เราคัดลอกมาให้ดูกัน

ยืมเงินและไม่ส่งคืน ผลลัพธ์อาจไม่เหมือนกัน ต้องดูกรรมของแต่ละคน เมื่อรู้ว่ากรรมเป็นอย่างไร มันจะเพียงพอที่จะคิดว่า กรรมใดควรเกี่ยวกับ รูปแบบของกรรม แปรไปตามเจตนา รวมทั้งความสามารถ ที่จะทำให้สำเร็จตามเจตนาด้วย เช่น

บางคนยืมด้วยความตั้งใจ อาจมีข้อตกลงที่ชัดเจนว่า เมื่อใดที่จะส่งคืนหรือให้ดอกเบี้ย จากนั้นสามารถส่งคืนพร้อมของขวัญฟรีตามข้อตกลง ผลทันที เป็นสายสัมพันธ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือซึ่งกันและกัน
คู่กรณีเห็นว่ามีบุญที่ให้โอกาส ฝ่ายที่ได้รับนั้นถือเป็นบุญอย่างที่เขาทำ มีความสุขกับการเป็นทั้งผู้ใหญ่ด้วยกัน

บางคนยืมด้วยความตั้งใจที่จะกลับมา เสร็จสมบูรณ์ไม่สามารถคืนชนิดที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อโกง ไม่ทำลายศีล 2 แต่ผลกระทบทันทีจากปัจจุบัน เป็นทุกข์ ขาดความนับถือตนเอง และไม่ได้รับความเชื่อถือจากผู้อื่น สำหรับผลลัพธ์ในประเทศถัดไปมันค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อ เช่นการให้เงินกับใครก็ตามที่ยังไม่ได้ยืม เพราะเหตุสุดวิสัยของลูกหนี้เป็นต้น

บางคนยืมมาด้วยความตั้งใจที่จะมาและเรียงลำดับ ไม่ไม่แน่ใจว่าจะคืนเมื่อใด คิดเพียงชั่วครู่ว่ามีมากมาย เช่นนี้จับคู่อย่างเท่าเทียมกัน เพราะทำถูกต้องมีสิทธิ์ที่จะพลิกจาก ‘รอสักครู่ มันง่ายที่จะ ‘ดีกว่า’
ณ จุดหนึ่งคนเหล่านี้จะลืมความสัมพันธ์เก่าทั้งหมด เมื่อเห็นตัวเลขในบัญชีที่ส่งคืน แต่เสียใจ

ความตระหนี่ รู้สึกว่ามันอยู่ในบัญชีของฉัน สิ่งที่สำคัญจะหายไปในมือของคนอื่น ความสำคัญคือ ทั้งๆที่นั้น เป็นไข่มุกวิเศษที่ความหลงไหลบงการก่อให้เกิดบาป ผลที่ตามมาคือจิตใจที่อ่อนแอ คุณคิดอย่างไรกับเด็ก ๆ บนเส้นทางที่ไร้สาระ ด้านหน้าเป็นสิ่งที่คู่ควรกับชะตากรรมที่ไร้เหตุผล วันหนึ่งเหมือนมีทรัพย์สินที่ยั่งยืน เมื่อวันก่อนหายไปเหมือนความฝัน

บางคนยืมด้วยความตั้งใจไม่คืนตั้งแต่แรก แต่มาหว่านล้อมล่อหลอกว่าจะคืน พร้อมดอกเบี้ยมหาศาลบานตะไท ที่มายืมตรงนี้ก็เพียงเพราะ อยากประชดแบงก์ที่กู้ยากกู้เย็นนัก อันนี้ผิดศีลข้อ ๒ เต็มๆ
เพราะขึ้นต้นด้วยเจตนาถือเอาทรัพย์ ที่เจ้าของมิได้ยกให้ และการผิดแบบนี้แถมพกข้อ ๔ มาด้วย ฉะนั้น ในที่ที่กรรมเผล็ดผล โทษสถานเบาในโลกมนุษย์ คือต้องเหมารวมทั้งผลของ

การผิดข้อ ๒ และ ๔ รวมกันสองกระทง ผลของข้อ ๒ คือเป็นผู้มีทรัพย์พินาศด้วยเหตุร้าย ผลของข้อ ๔ คือเป็นผู้ถูกหลอกลวง ถูกใส่ร้าย พูดง่ายๆ ว่า มีสิทธิ์เสียทั้งทรัพย์ เสียทั้งชื่อเสียง ด้วยการถูกใส่ร้าย ใส่ไคล้
หรือถูกต้มตุ๋นล่อลวงได้สารพัด

แต่ข้อเท็จจริง เป็นเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัส คือ คนโกหกเป็นนิตย์ ที่จะทำชั่วอะไรไม่ได้นั้นไม่มี ยิ่งถ้ามาถึงขั้นโกหกเพื่อเชิดเงินคนอื่นได้ ทำให้เขาเดือดร้อนหน้าตาเฉยได้ ก็แปลว่าต้องทำบาปร้ายกาจได้หนักกว่านี้ไปเรื่อยๆ ฉะนั้น โทษทัณฑ์ที่แท้จริง ก่อนจะมีสิทธิ์ได้กลับมาเป็นมนุษย์ จึงน่ากลัวกว่าที่เราเห็นๆ กันขณะเป็นมนุษย์

ที่มา เฟสบุค Dungtrin