วันนี้เราจะพาทุกคนมาศึกษาประวัติศาสตร์ตำนาน อภินิหารพระเกจิ ความลี้ลับ ไสຍศาສตร์ เพราะในประเทศไทຍของเรานั้น ต่างก็มีจุดเด่นทางความเชื่ວและมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาแหล่งรวมประวัติศาสตร์ที่มีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมาก วันนี้เราขอมานำเสนอเรื่องคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม มาให้ศึกษากัน
หากกล่าวถึง คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อุบาสิกา ผู้สร้าง “พระพุทโธน้อย” วัตถุมงคลอันลือลั่นมีอำนาจจิตและชื่อเสียงในด้านอิทธิฤทธิ์ และบารมีในการช่วยผู้คน ส่วนในเรื่องพุทธคุณมีเต็มเปี่ยม ของล้ำค่าชิ้นเอกที่ฝากไว้บนแผ่นดินสยามและพระคาถาที่ท่านได้มอบให้ไว้ อีกพระคาถาซึ่งคาถาดังกล่าวบางตำราเล่าว่าแม่ชีได้มาจากพระอินทร์ บางตำราก็ว่าได้มาจากพระสิวลี
พระคาถานี้คุณแม่บุญเรือนได้จากการนั่งสมาธิจิตเมื่อวันศุกร์ที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ “จากตำราได้เขียนบอกไว้ว่าเป็นคาถาที่ท้าวสักกเทวราชหรือพระอินทร์นำมาถวายแด่คุณแม่บุญเรือน”
คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ท่านให้สวดตามกำลังวันเพื่อบูชาพระ สิวลีมหาเถระหรือพระฉิมพลี จะเป็นมหาลาภ มหาโชค มหาโภคทรัพย์ และเจริญ ด้วยจตุรพิศพรชัย คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติประสพสิ่งอันพึงปรารถณาทุกประการนั่นแล
กำลังวันที่กล่าวถึงมีดัง นี้คือ วันอาทิตย์ ๖ วันจันทร์ ๑๕ วันอังคาร ๘ วันพุธ ๑๗ วันพฤหัสบดี ๑๙ วันศุกร์ ๒๑ และวันเสาร์ ๑๐ คาถาพระฉิมพลี(คาถาพระสีวลี) “ตั้งนะโมฯ ๓ จบ” แล้วว่า
“นะชาลีติฉิมพาลี จะ มหาเถโร สุวรรณะมามา โภชนะมามา วัตถุวัตถามามา พลาพลังมามา โภคะมามา มหาลาโภมามา สัพเพชะนา พหูชะนา ภวันตุเม”
ช่อมะม่วงที่ตั้งจิตอธิฐาน ขออำนาจของพระรัตนตรัยจงเป็นที่พึ่ง ขออัญเชิญบารมีอันสูงยิ่งของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม จง สถิตสถาพรอยู่กับท่านทั้งหลาย แม้ประสงค์สิ่งใดจงสมประสงค์ทุกประการ และถึงพร้อมด้วยธรรมสี่ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกท่าน เทอญ ฯ
เข้านิโรธครั้งแรก ในวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2496 ที่บ้านสามัคคีวิสุทธิ ถนนวิสุทธิกษัตริย์ คุณแม่บุญเรือนได้เข้านิโรธสมาบัติ อธิษฐานให้มะม่วงออกช่อออกลูกได้ภายในคืนเดียว โดยกิ่งหนึ่งของต้นมะม่วง ท่านอธิษฐานให้ออกช่อเป็นรูปปิ่นปักผม เพื่อเป็นประจักษ์พยานในการถือกรรมฐานกองนี้อย่างบริสุทธิ์ “การเข้านิโรธสมาบัติเป็นการเข้าฌานชั้นสูง ผู้เข้าได้ต้องได้รูปฌาณ๑-๔ และ อรูปฌาณ๕-๘ และมีบารมีเต็ม ส่วนวันนั้น คุณแม่ได้ทรงฌาณ ๘ เต็มกำลังอธิฐานไม่ขยับไม่เคลื่อนออกจากที่ไม่ขบเคี้ยว กินอาหาร ทั้งเวลาตระวันขึ้นและพระจันทร์ขึ้นตลอดแสง ถือเป็นสตรีหนึ่งเดียวที่เข้านิโรธสมาบัติ พิสูจน์ได้และมีประชาชนเป็นสักขีพยานมากหมาย
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ : ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
เข้านิโรธสมาบัติครั้งแรก การเข้านิโรธครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในจำนวนทั้งสิ้น ๔ ครั้ง โดยครั้งที่ ๓ ที่ จ.ระยอง คุณแม่บุญเรือนได้เข้านิโรธสมาบัติ อธิษฐานให้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงพระเจริญและแคล้วคลาดจากสรรพภยันตรายทั้งปวง ที่ท่านได้เข้านิโรธสมาบัติ โดยคุณแม่ได้กระทำ ณ สถานที่ดังต่อไปนี้ ๑. บ้านสามัคคีวิสุทธิ ที่ถนนวิสุทธิกษัตริย์ กรุงเทพฯ พ.ศ.๒๔๙๖ ๒. พระพุทธบาท จ.สระบุรี ต้นปี พ.ศ.๒๔๙๙ ๓. บ้านนาซา จ.ระยอง พ.ศ.๒๔๙๘ ๔. พระแท่นดงรัง จ.กาญจนบุรี พ.ศ.๒๔๙๙
ส่วนเรื่องล่องหนหายตัว คุณแม่บุญเรือนบรรลุธรรมแล้ว ก็ได้นั่งกรรมฐานต่อไปอีก จนกระทั่งเวลาใกล้ตี 5 รุ่งเช้า ได้คิดถึงวัดสัมพันธวงศ์ จึงตั้งจิตอธิษฐานขอให้เข้าไปนั่งในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งศาลานี้เป็นที่อยู่ของแม่ชีนักปฏิบัติธรรม คุณแม่เองก็เคยอาศัยบำเพ็ญธรรมที่ศาลานี้
พอสิ้นอธิษฐาน แล้วหลับตาลง ก็คล้ายกับหัวได้หกกลับไปเบื้องหน้า คล้ายกับตีลังกา เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็ปรากฏว่าตัวเองได้เข้ามานั่งอยู่ในศาลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่าเข้าศาลามาทางไหน และที่บ้านพักตำรวจกับศาลาวัดสัมพันธวงศ์ก็ไกลกันพอสมควร ขณะนั้น ประตูศาลาวัดยังคงปิดใส่กุญแจอยู่ คุณแม่บุญเรือนจึงได้ร้องเรียกให้พระภิกษุสามเณรซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น ช่วยไขกุญแจเปิดประตูให้ที
การล่องหนหายตัวจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง เป็นผลจากการปฏิบัติทางจิตจนได้ “อภิญญา” เมื่อเรื่องที่คุณแม่บุญเรือนหายตัวมาปรากฏอยู่ในศาลาวัด แพร่หลายออกไป ก็มีพระเณรเถรชี อุบาสกอุบาสิกาต่างก็มารุมล้อม